ติดต่อเรา
ช่องทางรับเรื่องร้องเรียน 
เห็น “ขวดแก้วยักษ์” ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย รู้ได้ทันทีว่า มาถึง จ.สิงห์บุรี แล้ว พร้อมกับรู้ด้วยว่า นี่คือพิกัดของร้านอาหาร “แม่ลาปลาเผา” ที่อยู่เคียงคู่เมืองสิงห์บุรีมากว่า 40 ปี ซึ่งสามารถรักษาคุณภาพ และมีการยกระดับร้านอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่หยุดพัฒนา เดินหน้าพลิกวิกฤตเป็นโอกาสธุรกิจ โดยมี SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เคียงข้างสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
คุณโป่ง-สุภนิช พริ้งพร้อม ทายาทรุ่น 2 ผู้ดูแลกิจการร้าน “แม่ลาปลาเผา” ในปัจจุบัน เล่าถึงจุดเริ่มต้น ว่า คุณพ่อเป็นคนสิงห์บุรี คุณแม่เป็นคนภูเก็ต ร่วมกันบุกเบิกร้านอาหาร โดยนำสูตรปลาเผาภูเก็ต มาเปิดร้านอาหารชื่อ “ปลาเผาภูเก็ต” อยู่ย่านลาดพร้าว ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นร้านดังในเวลานั้น แต่เนื่องจากเจ้าของที่ ปรับขึ้นค่าเช่า ทำให้คุณพ่อตัดสินใจ ย้ายกลับมาบ้านเกิด เปิดร้านอาหารในที่ดินของตัวเอง โดยนำชื่อ “แม่น้ำลา” ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่าน จ.สิงห์บุรี มารวมเมนูเด่นประจำร้าน คือ “ปลาเผา” กลายเป็นชื่อร้านว่า “แม่ลาปลาเผา”
“เดิมเมนูปลาเผาที่ร้านเก่าจะใช้วัตถุดิบ “ปลากะพง” แต่พอย้ายมาเปิดร้านที่สิงห์บุรี ซึ่งในท้องถิ่นมี “ปลาช่อน” คุณภาพดีสดใหม่อยู่ในแม่น้ำลาจำนวนมาก คุณพ่อเลยลองนำปลาช่อนมาเผาแทน แต่เนื่องจากปลาช่อนมีความคาวค่อนข้างมาก คุณพ่อเลยใช้วิธีรมควันปลาช่อนด้วยกาบมะพร้าว วิธีนี้ ทำให้เนื้อปลาไม่มีกลิ่นคาว แถมยังช่วยให้เนื้อปลาขาว ชุ่มฉ่ำ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร กลายเป็นเมนูดังประจำร้าน ที่คนรู้จักกันทั่วประเทศ” คุณโป่ง เล่าที่มาของเมนูดังประจำร้าน
ส่วนขวดแก้วยักษ์หน้าร้านที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์คประจำ จ.สิงห์บุรี มีที่มาจากคุณพ่อ เป็นคนช่างคิดช่างประดิษฐ์ และอยากสร้างคุณค่าให้แก่ขวดแก้วเหลือทิ้งในร้าน ซึ่งในอดีตขายได้แค่ใบละ 1 สลึง ท่านจึงนำมาต่อประกอบซ้อนกันเป็นขวดขนาดยักษ์ เพื่อให้ลูกค้าสังเกตเห็นทางเข้าร้านได้ง่าย กลายเป็นจุดสนใจ เรียกลูกค้า และยังเป็นสัญลักษณ์ที่คนจำจดได้ดี เมื่อมาถึง จ.สิงห์บุรี โดยปัจจุบัน ขวดแก้วยักษ์ที่เห็นอยู่ เป็นใบที่ 3 แล้ว ความสูงกว่า 50 เมตร โดยสร้างครอบจากขวดยักษ์ ใบที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
การสร้างและปรับปรุงขวดแก้วยักษ์ เป็นหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนได้ดีถึงแนวคิดการทำธุรกิจร้านอาหารของแม่ลาปลาเผาที่พร้อมจะยกระดับพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถเติบโต และยืนหยัดเดินหน้าร้านให้ครองใจลูกค้าเหนือกาลเวลา ยาวนานกว่า 40 ปี
“มีคำพูดหนึ่งของคุณพ่อว่า ‘จะเอาเงินเขา เราต้องลงทุน’ ทำให้เราต้องปรับตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสถานที่ บริการ เมนูอาหาร แม้แต่ในช่วงโควิด-19 ที่ถือเป็นช่วงสาหัส ลูกค้าไม่สามารถมานั่งกินอาหารที่ร้านได้ รายได้แทบจะกลายเป็นศูนย์ เราก็ไม่หยุดจะทำร้านให้ดีขึ้น โดยใช้โอกาสที่ร้านต้องปิดมาพัฒนาภายใน เช่น เพิ่มโซนร้านกาแฟ รีโนเวทร้านให้ทันสมัย และจัดระบบการทำงานภายในร้าน และเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เราก็สามารถกลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ทันที ทำให้ร้านเราฟื้นตัวได้เร็ว” คุณสุภนิช ระบุ
ทั้งนี้ เพื่อจะเติมเต็มให้ความต้องการพัฒนาร้านของคุณโป่งเป็นไปตามเป้าหมาย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เข้ามาสนับสนุนเติมทุนให้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการพัฒนาร้าน และที่สำคัญ สามารถรักษาการจ้างงานพนักงานทั้งหมดกว่า 60 ชีวิตไว้ได้
“เจ้าหน้าที่ SME D Bank สาขาสิงห์บุรี ดูแลอย่างดี มาช่วยเติมทุนทำให้สามารถรีโนเวทร้านได้ตามที่อยากทำ รวมถึง เวลาธนาคารมีความช่วยเหลือหรือโครงการสนับสนุนใหม่ใด ๆ ก็จะมาสื่อสารต่อเนื่อง” คุณโป่ง เผยถึงความประทับใจที่มีต่อ SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย
แม้ว่าร้านจะมีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่เจ้าของร้าน ระบุว่า ไม่มีความต้องการจะขยายสาขา หรือขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด เนื่องจากตั้งใจจะทำร้านต้นตำรับแห่งนี้แห่งเดียวให้ดีที่สุด ส่วนร้านอาหารต่างๆ ที่นำชื่อแม่ลาปลาเผาไปใช้ ไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งเลย ตรงกันข้าม คิดว่าจะเป็นประโยชน์สร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งสุดท้ายแล้ว คุณภาพที่ดีจะเป็นคำตอบสุดท้ายว่า ลูกค้าจะเลือกใช้บริการร้านใด
“เรามีความตั้งใจจะทำร้านนี้ให้ดีที่สุด ทำแต่สิ่งดีๆ ให้ลูกค้า ให้บริการอย่างจริงใจ อาหารสดใหม่ และพัฒนาเมนูเสมอ ไม่อยากให้ลูกค้าเบื่อ ซึ่งเราต้องแข่งกับตัวเอง เพื่อจะดูแลคุณภาพทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด ฉะนั้น คู่แข่งที่แท้จริงของเรา คือ ตัวเอง” คุณโป่ง ทิ้งท้าย
รับชมวีดีโอ
##############################
ติดต่อ หจก.แม่ลาปลาเผา
99 หมู่ที่ 7 ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี 16000
โทร. 092-936-9654
Facebook : แม่ลาปลาเผา